วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แฟชั่นญี่ปุ่น

แฟชั่นญี่ปุ่น

ส่วนการแต่งตัวแบบชาวญี่ปุ่น ก็ยังไม่ได้หายไปไหน แต่บางคนอาจไม่รู้ว่า ที่เค้าแต่งๆ กันนั้น เรียกว่ายังไง วันนี้เย็นตาโฟรวบรวมมาให้อ่านกัน


Gothic (โกธิค)
แฟชั่นแนวนี้ส่วน มากจะเน้นไปในเรื่องของโทนสีที่ดูครึมๆ ลึกลับๆ ซึ่งเป็นแฟชั่นแบบ “Dark Style” มักจะเป็นสีดำซะส่วนใหญ่
แต่ก็อาจจะมีส่วนประกอบเป็นสีขาว หรือสีแดง ตามแต่สไตล์ของแต่ละคน

ที่มาของแฟชั่นแนวนี้มาจากทางยุโรป เหนือและแถบอังกฤษค่ะ ซึ่งต้นกำเนิดอยู่ที่ชาวพื้นเมือง เรียกว่า “ชาวโกธิค” ซึ่งเราจะเห็นแฟชั่นสไตล์นี้ในหนังผี
เช่น พวกท่านเคาน์, แวมไพร์ หรือพวกแม่มดในเทพนิยายที่ดูเรียบแต่หรูนั่นเอง หรือถ้าใครเคยอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่อง
“หนุ่มหล่อเฟี้ยว แปลงโฉมสาว” (Yamatonadeshiko) ก็จะเห็นการแต่งการสไตล์ Gothic ในเรื่องด้วยนะคะ



Lolita หรือ Lolita Baby (โลลิต้า)
ส่วน มากแฟชั่นแนวนี้จะเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นสาวๆ มากกว่า เพราะจะออกแนวหวานแหว๋วเหมือนตุ๊กตาน่ารักนะคะ เสื้อผ้าในแนวนี้จะเน้น ไปทางลูกไม้ ระบาย และสีผ้าที่ดูหวานๆ เช่น สีชมพู สีขาว ซะส่วนใหญ่แฟชั่นแบบ Lolita คือการนำเอาแบบชุดของตุ๊กตาของเด็กผู้หญิง และชุดของเชื้อพระวงศ์ (พวกเจ้าหญิงน่ะคะ)นำมาประยุกต์ใช้กันให้เหมือน เจ้าหญิงน้อยๆในเทพนิยาย แฟชั่นแนวนี้เป็นที่นิยมมากในผู้ดีสมัยก่อนในแถบยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และได้แพร่หลายไปในอีกหลายประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น

Neo Lolita (นีโอโลลิต้า)
Neo Lolita เป็นการนำสไตล์ Lolita มาประยุกต์ให้เป็นแบบที่ทันสมัย
แต่ยังคงความ คลาสสิกเอาไว้ เป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่นโดยเฉพาะสาวๆ
เพราะ โทนสีจะหวานๆ นอกจากนั้นยังใช้ผ้าลายสก็อตมาตกแต่งอีกด้วย

Gothic & Lolita
Gothic & Lolita แฟชั่นสไตล์ Gothic & Lolita คือ การนำเอาแฟชั่นแนว Gothic และ Lolita
มารวมกัน โดยนำเอาความลึกลับของแนว Gothic และความหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของแนว Lolita มาผสมผสานกันทำให้เกิดเป็นแนวใหม่ คือ Gothic & Lolita ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคงจะเป็นเสื้อผ้าของ Mana วง Malice




Punk
Punk หรือ UK.Punk (พังค์) แฟชั่นสไตล์ Punk เริ่มตั้งแต่ยุคปลายของปี’60 และถิ่นกำเนิดของแฟชั่นแนวนี้คือประเทศอังกฤษ สมัยนั้นจะเริ่มในกลุ่ม เล็กในยุคที่มีการปฏิวัติและเหตุจลาจลกลางเมือง ซึ่งแนวนี้จะออกแนวรุนแรง เช่น มีการเจาะตามร่างกาย การเพ้นท์หรือสัก แฟชั่นแนวนี้จะเน้นโทนสีดำเป็นหลัก นิยมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นิยมแต่งหน้าและเขียนตากับปากด้วยสีดำ โดยจะมีส่วนประกอบของผ้าที่เป็น ตาข่าย และเศษผ้าลุ่ยๆ ส่วนเครื่องประดับส่วนใหญ่จะเป็นเข็มขัด โซ่และหมุดเหล็ก โดยจะเห็นได้จาก วงร็อกของอเมริกานั่นเอง


Punk หรือ UK.Punk (พังค์)
JAP’Punk (เจแปนพังค์) เป็นพังค์ที่ประยุกต์ให้เข้ากับสไตล์ของญี่ปุ่น ต้นแบบมาจาก UK.Punk และการ์ตูนเรื่อง NANA ของ Ai Yazawa พังค์ในแบบญี่ปุ่นบางทีก็จะอาศัยประยุกต์ระหว่างผ้าลายญี่ปุ่นมาบวกกับการ ออกแบบในแนวพังค์



เด็กแนวสไตล์ญี่ปุ่น


แฟชั่น Gal
พูดถึงแฟชั่นญี่ปุ่น ยุคแรกๆ เลย ใครๆ ก็ต้องนึกถึงสาวน้อยหน้าใส ใส่ถึงเท้ายาวๆ ย่นๆ ที่เรียกว่า Loose Socks .. ถือว่าเป็นแฟชั่นของเด็กวัยรุ่นยุคดั้งเดิมเลยทีเดียว (ราวๆ ก่อนปี 1998) ซึ่ง ตอนนี้ก็ยังมีแต่งกันอยู่ แฟชั่นแบบนี้ เราเรียกว่า Gal โดยมีกฎง่ายๆ เพียงแค่

1. มีความมั่นใจในความน่ารักของตัวเอง
2. แต่งตัวออกใสๆ น่ารักไว้ก่อน
3. พูดด้วยน้ำเสียงสูงหวาน
4. นุ่งมินิสเกิร์ต (แม้จะเป็นชุดนักเรียน) พร้อม Loose Sock เรียกได้ว่า ขายความใสล้วนๆ



แฟชั่น Gankuro
สาวๆ จะนิยมทาหน้าทาตัวให้ดำ และย้อมผมสีทอง ใส่ไมโครสเกิร์ตและรองเท้าบูต ซึ่งเราจะเรียกว่า แฟชั่น Gankuro-หน้าดำ ซึ่งนับว่า เป็นแฟชั่นที่หลุดโลกมากทีเดียว



แฟชั่น Manba
สไตลื Manba นั้น ดูเผินๆ จะคล้ายกับกังคุโระมากทีเดียว เพราะจะทาผวิและหน้าสีดำเหมือนกัน แต่ จะต่างกันตรงที่ Manba นั้นมักย้อมผมสีขาว (หรือไม่ย้อมผม) แต่งขอบตา ขอบปากให้เป็นสีขาวมากๆ และจะไม่แต่งตัวเน้นความเท่ แต่จะเน้นความน่ารักแทน นิยามสีชมพู และมักมี Accessory น่ารักติดตัวเสมอ มัก พูดลงท้ายด้วยคำว่า nyan (คล้ายเสียงแมวร้อง) ซึ่งถ้าเป็นกลุ่มผู้ชาย เราจะเรียกว่า Center Guy ซึ่งจะเน้นความน่ารักไม่แพ้กัน



Japanese Make Up Style
1. ผิวหน้าจะต้อง เนียน กระจ่างใส ไร้ริ้วรอย
2. ปัดแก้มด้วยสีชมพูเรื่อ หรือ สีพีช
3. ตาจะต้องดูกลมโ ต ขอบตาชัด มีประกายวิ้ง วิ้ง ขนตายาว หนา และงอน
4. คิ้วโก่งเป็นเอกลักษณ์ สีคิ้วเดียวกับสีผม
5. ปากอวบอิ่ม สีนู้ดบางใส และเคลือบกลอสเป็นเงา

อ้างอิน
ttp://www.zabzaa.com/

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รู้จักแฟชั่นกันมั้ย?

แฟชั่น คือ อะไร ?




แฟชั่น คือ การยอมรับ การทำตาม แฟชั่นที่กำลังเป็นที่นิยม อะไรที่เป็นแฟชั่น ต้องมีกระแสนำ และนำไปในทิศทางที่จะต้องทำให้ผู้คนยอมรับ และบริโภคในที่สุด เช่น แฟชั่นเสื้อผ้า เสื้อผ้าแฟชั่น (บางครั้งก็ต้องคาดเดาว่าแฟชั่นนี้จะเกิดหรือไม่) แฟชั่นเป็นรูปแบบของการแต่งกายในแต่ละยุคสมัย ที่ได้รับการยอมรับใน ณ ห้วงเวลานั้นๆ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ถ้าจะยกตัวอย่างในตอนนี้ก็ต้องดู เสื้อผ้าเกาหลี เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี แฟชั่นเกาหลี ที่ไหลเข้าสู่ประเทศไทยผ่านมาทางซีรี่ส์เกาหลีหลากหลายเรื่องราว

อีกมุมหนึ่งแฟชั่นคือ ศาสตร์และศิลป์ หากศิลปะและวัฒนธรรม เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเจริญ และการเปลี่ยนแปลงของกระแสสังคม จากยุคหนึ่งสู่อีกยุคหนึ่ง ย่อมทำให้เกิดการรับเอาและการต่อต้าน แฟชั่นสามารถบ่งชี้ถึงขนบประเพณีต่างๆในแต่ละยุคแต่ละสมัยได้ แต่ปัจจุบันแฟชั่นวนกลับไปกลับมาในรอบ 20-30 ปี เช่น แฟชั่นย้อนยุค หรือแฟชั่นวินเทจ (Vintage) ที่ทำให้คิดถึงเสื้อผ้าสมัยเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว หรือแฟชั่นเรโทร (Retro) ที่มีเอกลักษณ์ คือ เสื้อกึ่งกระโปรงเอวสูง



เสื้อผ้าแฟชั่น คืออะไร ใครรู้บ้าง

ในมุมมองของคนธรรมดา แฟชั่นคือ การเลือกใช้ในสิ่งที่เราชอบ และบอกความเป็นตัวเอง เราจะแต่งอย่างไรก็ได้ ถ้ามันไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนผิดศิลธรรม หรือจารีตประเพณีอันดีงาม แต่ในมุมมองของผู้นำเทรนด์ ผู้นำแฟชั่นทั้งหลาย พวกเขาจะไม่ใส่เสื้อผ้าแฟชั่นตามใคร หากเสื้อผ้าแฟชั่นชุดไหนมีคนใส่แล้วพวกเขาจะไม่ชายตามองอีกเลย เพราะพวกเขาจะเสียความรู้สึกมากหากมีคนมาบอกว่า เสื้อผ้าแฟชั่นที่เขาใส่อยู่นั้นมีคนใส่แล้ว เราอาจคิดว่าเขาใส่ชุดพวกนั้นแล้วมันเดินลำบาก แต่เขาไม่คิดเรื่องความลำบากเหมือนเรา เขารู้สึกว่ามันเป็นราคาที่ต้องจ่าย และเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นที่ “ต้องใส่” เสื้อผ้าแฟชั่นนั้นเปลี่ยนไปตามสมัยนิยม ตามจารีตประเพณี วัฒนธรรม หรือ ตามดารา ตามซีรี่ส์ ตามละครที่กำลัง HOT กำลังดัง เช่นปัจจุบันที่ต้องยอมรับว่า เสื้อผ้าเกาหลี เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี แฟชั่นเกาหลี ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากๆ





ทำความรู้จัก เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี

เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี ประเทศไทย รับอิทธิพลค่านิยมด้านเสื้อผ้าแฟชั่นจากต่างประเทศมาตั้งแต่ อดีตจนถึงปัจจุบัน ไล่มาตั้งแต่ เสื้อผ้าแฟชั่นของอินเดีย จีน เปอร์เซีย อังกฤษ ญี่ปุ่นยันมาถึงเสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลีในปัจจุบัน แต่จะเป็นในลักษณะเลือกรับ และเลือกใช้เลือกใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกลมกลืนกับประเทศไทย เสื้อผ้าแฟชั่นบางอย่างที่รับมาแล้วเหมาะสมก็จะเกิดได้ เสื้อผ้าแฟชั่นบางอย่างมาเป็นกระแส ดังเป็นพักๆ แต่ไม่นานก็จางหายไป แต่ถ้าเน้นเฉพาะเสื้อผ้าแฟชั่นในปัจจุบัน ก็คงเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลีที่กำลังอินเทรนด์เอามากๆ แม้แต่การศึกษาระดับ ม.ปลายยังต้องมีเปิดสอนภาษาเกาหลี ไม่ว่าเสื้อผ้า-หน้า-ผมวัยรุ่นไทยแทบจะกลายเป็นเกาหลีกันไปหมดแล้ว สาเหตุหลัก ที่ทำให้เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลีบุกเข้ายึดประเทศไทยในปัจจุบันก็คือ ซีรีย์เกาหลี นั่นเอง อาจเป็นเพราะความแปลกใหม่ของแนวการนำเสนอคือเค้าจะเป็นนิยายรักโรแมนติกมากๆ แต่ของไทยยังติดอยู่กับภาพตัวอิจฉากับผู้ร้ายอยู่ (ไม่มีไม่ได้ เดี๋ยวคนดูไม่ติด เข้าข่าย ยิ่งเกลียดยิ่งดู) บวกกับคนไทยนิยมชอบคนผิวขาวๆ จึงทำให้คลั่งไคล้ดาราเกาหลีเข้าไปอีก สิ่งที่ทำให้ซีรี่ย์เกาหลีมัดใจคนดูได้คงเป็นเพราะเนื้อเรื่องมันอยู่ในความ ฝันของผู้หญิง เช่นพระเอกรักเดียวใจเดียว เสียสละ มีงานทำมั่นคง พร้อมจะปกป้องนางเอก พระรองยิ่งแสนดีในทุกด้าน นางร้ายนิสัยเหมือนคนจริงๆ พอเหมาะ พอดี ไม่มีกรี๊ดๆ ซึ่งต่างกับละครไทยอย่างชัดเจน สาเหตุที่สอง ที่พากระแสเสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลีเข้ามา คือ ดารานักร้องเกาหลีนั่นเอง นักร้องเกาหลีเขาเต้นกันซ้อมกันมานานเป็นปีๆ งานเขาพิถีพิถันจึงออกมาดี ดูจากพวกวงที่เต้น เต้นพร้อมกันมาก เต้นได้ต่อเนื่อง ดูเข้มแข็ง



แต่ก่อนนั้น เรื่องแฟชั่นเราต้องยกให้ชาวญี่ปุ่นเค้า ไม่ว่าจะแต่งหวานๆ แต่งแปลกๆ แต่งเท่ๆ เก๋ไก๋ แต่ทุกวันนี้เรารับกระแสเกาหลีเข้ามาตั้งแต่ แดจังกึม ฟูลเฮ้าส์ ดงบังชินกิ วันเดอร์เกิล์ล ฯลฯ ดังนั้นหากพูดถึงเรื่องแฟชั่นแล้ว ปัจจุบันนี้คงจะหนีไม่พ้นแฟชั่นที่มาแรงแซงทางโค้ง นั่นก็คือ "แฟชั่นสไตล์เกาหลี" กระแสนิยมที่กำลังมาแรงในปัจจุบันแฟชั่นในยุคนี้ "เทรนด์เกาหลี" เริ่ม เข้ามาในสังคมไทยเรามากสุด ๆ เมื่อพูดถึงคำ ๆ นี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักนะคะ กระแสที่มาแรงทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมทางด้านการบันเทิง ดารา นักร้อง ซีรี่ส์ต่าง ๆ ในด้านของภาษาก็เป็นที่นิยมไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว เดี๋ยวนี้มีจำนวนนิสิตนักศึกษาไม่น้อยที่สนใจและเลือกเรียนภาษาเกาหลีมาก ขึ้น พวกเราเริ่มรู้จักวัฒนธรรมเกาหลีกันมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหารการกิน การทักทาย และแฟชั่นเสื้อผ้า เพราะว่าคนเกาหลีเน้นสวมเสื้อผ้าตามฤดูกาลแตกต่างกันไป แต่ละฤดูมีลักษณะการแต่งกายที่ไม่เหมือนกัน

รวมไปถึง "แฟชั่นการแต่งหน้าแบบ เกาหลี" ที่เป็นกระแสมาแรงสุด ๆ ในตอนนี้
การแต่งหน้าแบบเกาหลีจะ เน้นแบบธรรมชาติเป็นหลัก การแต่งหน้าแบบนี้คนไทยเราก็กำลังฮิตกันมาก ๆ ลักษณะ การแต่งหน้าแบบนี้ นอกจากจะดูสวยอย่างธรรมชาติแล้ว ยังให้ความรู้สึกที่สดใสอีกด้วย
1. คนเกาหลีเวลาแต่งหน้าจะเน้นที่ "ดวงตา" เป็นหลัก อาจเป็นเพราะว่าคนเกาหลีมีจุดอ่อนที่ตา หมายถึง ตาตี่ และมีชั้นเดียว สามารถลังเกตได้จากการที่คนเกาหลีทำศัลยกรรม
ส่วนใหญ่ แล้วคนเกาหลีเน้นทำตาสองชั้นเป็นหลัก แต่สำหรับคนที่ไม่ทำศัลยกรรมจะมีการแต่งดวงตาให้ดูคมชัดขึ้นและเป็นธรรมชาติ โดยเลือกสีอายแชโดว์ให้เข้ากับสีผิว หรือสีขนตา และควรใช้ประมาณ 3 สี โดยทาไล่ตามเฉดโทนอ่อนที่สุดไปจนถึงเข้มที่สุด
และลงสีที่หนึ่งที่เป็น โทนสีอ่อนสุดบริเวณเปลือกตา ทาสีที่สองลงตรงบริเวณจุดกึ่งกลางของตา และเกลี่ยขึ้นข้างบน แล้วไล่สีที่สามจากหางตามาถึงบริเวณกึ่งกลางตาแล้ว เกลี่ยขึ้น ลงสีที่เข้มที่สุดตามแนวชิดขอตาอีกครั้ง และเกลี่ยให้เรียบเนียน
2. ถ้าอยากให้ดวงตาดูสวยคมชัดยิ่งขึ้น อย่าลืมเขียนขอบตาด้วย แต่ควรเป็นชนิดเค้กอายไลเนอร์ เพราะดูซอฟต์เป็น ธรรมชาติมากกว่า และไม่ควรเขียนแบบตวัดปลายขึ้น เขียนสีดำเฉพาะขอบตาบนเท่านั้น ซึ่งจะลากให้เป็นเส้นเล็กที่สุดโดยแทรก เข้าไประหว่างขนตา ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไป จากหัวตาจนถึงหางตาเท่า ๆ กัน และ ใช้แปรงเกลี่ยเพื่อไม่ให้เห็นเป็นเส้นขอบวาด

3. ส่วนขอบตาล่าง ให้ใช้สีขาวเขียนที่ขอบตา โดยเขียนที่ขอบตาด้านใน อีกเทคนิคที่ทำให้ดวงตาดูมีเสน่ห์น่าค้นหามากยิ่งนั่นคือใส่ขนตาปลอม ซึ่งนิยมแซมขนตาแบบที่เป็นช่อ เพราะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเป็นแผง การดัดขนตาให้งอนเริ่มจากโคนไล่ขึ้นไปที่ปลายและปัดมาสคาร่าทั้งขนตาจริงขน ตาปลอมพร้อมกัน วิธีนี้ทำให้ขนตาจริงกับขนตาปลอมกลืนเป็นหนึ่งเดียว กัน ดูเป็นธรรมชาติ






อ้างอิน
http://www.zabzaa.com/women/women.php?id=641&%C1%D2%C3%D9%E9%A8%D1%A1%A1%D2%C3%E1%B5%E8%A7%B5%D1%C7%E1%BA%BA%20%AD%D5%E8%BB%D8%E8%B9%20vs%20%E0%A1%D2%CB%C5%D5%A1%D1%B9
http://www.happyromi.co.kr/