วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แฟชั่นญี่ปุ่น

แฟชั่นญี่ปุ่น

ส่วนการแต่งตัวแบบชาวญี่ปุ่น ก็ยังไม่ได้หายไปไหน แต่บางคนอาจไม่รู้ว่า ที่เค้าแต่งๆ กันนั้น เรียกว่ายังไง วันนี้เย็นตาโฟรวบรวมมาให้อ่านกัน


Gothic (โกธิค)
แฟชั่นแนวนี้ส่วน มากจะเน้นไปในเรื่องของโทนสีที่ดูครึมๆ ลึกลับๆ ซึ่งเป็นแฟชั่นแบบ “Dark Style” มักจะเป็นสีดำซะส่วนใหญ่
แต่ก็อาจจะมีส่วนประกอบเป็นสีขาว หรือสีแดง ตามแต่สไตล์ของแต่ละคน

ที่มาของแฟชั่นแนวนี้มาจากทางยุโรป เหนือและแถบอังกฤษค่ะ ซึ่งต้นกำเนิดอยู่ที่ชาวพื้นเมือง เรียกว่า “ชาวโกธิค” ซึ่งเราจะเห็นแฟชั่นสไตล์นี้ในหนังผี
เช่น พวกท่านเคาน์, แวมไพร์ หรือพวกแม่มดในเทพนิยายที่ดูเรียบแต่หรูนั่นเอง หรือถ้าใครเคยอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่อง
“หนุ่มหล่อเฟี้ยว แปลงโฉมสาว” (Yamatonadeshiko) ก็จะเห็นการแต่งการสไตล์ Gothic ในเรื่องด้วยนะคะ



Lolita หรือ Lolita Baby (โลลิต้า)
ส่วน มากแฟชั่นแนวนี้จะเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นสาวๆ มากกว่า เพราะจะออกแนวหวานแหว๋วเหมือนตุ๊กตาน่ารักนะคะ เสื้อผ้าในแนวนี้จะเน้น ไปทางลูกไม้ ระบาย และสีผ้าที่ดูหวานๆ เช่น สีชมพู สีขาว ซะส่วนใหญ่แฟชั่นแบบ Lolita คือการนำเอาแบบชุดของตุ๊กตาของเด็กผู้หญิง และชุดของเชื้อพระวงศ์ (พวกเจ้าหญิงน่ะคะ)นำมาประยุกต์ใช้กันให้เหมือน เจ้าหญิงน้อยๆในเทพนิยาย แฟชั่นแนวนี้เป็นที่นิยมมากในผู้ดีสมัยก่อนในแถบยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และได้แพร่หลายไปในอีกหลายประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น

Neo Lolita (นีโอโลลิต้า)
Neo Lolita เป็นการนำสไตล์ Lolita มาประยุกต์ให้เป็นแบบที่ทันสมัย
แต่ยังคงความ คลาสสิกเอาไว้ เป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่นโดยเฉพาะสาวๆ
เพราะ โทนสีจะหวานๆ นอกจากนั้นยังใช้ผ้าลายสก็อตมาตกแต่งอีกด้วย

Gothic & Lolita
Gothic & Lolita แฟชั่นสไตล์ Gothic & Lolita คือ การนำเอาแฟชั่นแนว Gothic และ Lolita
มารวมกัน โดยนำเอาความลึกลับของแนว Gothic และความหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของแนว Lolita มาผสมผสานกันทำให้เกิดเป็นแนวใหม่ คือ Gothic & Lolita ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคงจะเป็นเสื้อผ้าของ Mana วง Malice




Punk
Punk หรือ UK.Punk (พังค์) แฟชั่นสไตล์ Punk เริ่มตั้งแต่ยุคปลายของปี’60 และถิ่นกำเนิดของแฟชั่นแนวนี้คือประเทศอังกฤษ สมัยนั้นจะเริ่มในกลุ่ม เล็กในยุคที่มีการปฏิวัติและเหตุจลาจลกลางเมือง ซึ่งแนวนี้จะออกแนวรุนแรง เช่น มีการเจาะตามร่างกาย การเพ้นท์หรือสัก แฟชั่นแนวนี้จะเน้นโทนสีดำเป็นหลัก นิยมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นิยมแต่งหน้าและเขียนตากับปากด้วยสีดำ โดยจะมีส่วนประกอบของผ้าที่เป็น ตาข่าย และเศษผ้าลุ่ยๆ ส่วนเครื่องประดับส่วนใหญ่จะเป็นเข็มขัด โซ่และหมุดเหล็ก โดยจะเห็นได้จาก วงร็อกของอเมริกานั่นเอง


Punk หรือ UK.Punk (พังค์)
JAP’Punk (เจแปนพังค์) เป็นพังค์ที่ประยุกต์ให้เข้ากับสไตล์ของญี่ปุ่น ต้นแบบมาจาก UK.Punk และการ์ตูนเรื่อง NANA ของ Ai Yazawa พังค์ในแบบญี่ปุ่นบางทีก็จะอาศัยประยุกต์ระหว่างผ้าลายญี่ปุ่นมาบวกกับการ ออกแบบในแนวพังค์



เด็กแนวสไตล์ญี่ปุ่น


แฟชั่น Gal
พูดถึงแฟชั่นญี่ปุ่น ยุคแรกๆ เลย ใครๆ ก็ต้องนึกถึงสาวน้อยหน้าใส ใส่ถึงเท้ายาวๆ ย่นๆ ที่เรียกว่า Loose Socks .. ถือว่าเป็นแฟชั่นของเด็กวัยรุ่นยุคดั้งเดิมเลยทีเดียว (ราวๆ ก่อนปี 1998) ซึ่ง ตอนนี้ก็ยังมีแต่งกันอยู่ แฟชั่นแบบนี้ เราเรียกว่า Gal โดยมีกฎง่ายๆ เพียงแค่

1. มีความมั่นใจในความน่ารักของตัวเอง
2. แต่งตัวออกใสๆ น่ารักไว้ก่อน
3. พูดด้วยน้ำเสียงสูงหวาน
4. นุ่งมินิสเกิร์ต (แม้จะเป็นชุดนักเรียน) พร้อม Loose Sock เรียกได้ว่า ขายความใสล้วนๆ



แฟชั่น Gankuro
สาวๆ จะนิยมทาหน้าทาตัวให้ดำ และย้อมผมสีทอง ใส่ไมโครสเกิร์ตและรองเท้าบูต ซึ่งเราจะเรียกว่า แฟชั่น Gankuro-หน้าดำ ซึ่งนับว่า เป็นแฟชั่นที่หลุดโลกมากทีเดียว



แฟชั่น Manba
สไตลื Manba นั้น ดูเผินๆ จะคล้ายกับกังคุโระมากทีเดียว เพราะจะทาผวิและหน้าสีดำเหมือนกัน แต่ จะต่างกันตรงที่ Manba นั้นมักย้อมผมสีขาว (หรือไม่ย้อมผม) แต่งขอบตา ขอบปากให้เป็นสีขาวมากๆ และจะไม่แต่งตัวเน้นความเท่ แต่จะเน้นความน่ารักแทน นิยามสีชมพู และมักมี Accessory น่ารักติดตัวเสมอ มัก พูดลงท้ายด้วยคำว่า nyan (คล้ายเสียงแมวร้อง) ซึ่งถ้าเป็นกลุ่มผู้ชาย เราจะเรียกว่า Center Guy ซึ่งจะเน้นความน่ารักไม่แพ้กัน



Japanese Make Up Style
1. ผิวหน้าจะต้อง เนียน กระจ่างใส ไร้ริ้วรอย
2. ปัดแก้มด้วยสีชมพูเรื่อ หรือ สีพีช
3. ตาจะต้องดูกลมโ ต ขอบตาชัด มีประกายวิ้ง วิ้ง ขนตายาว หนา และงอน
4. คิ้วโก่งเป็นเอกลักษณ์ สีคิ้วเดียวกับสีผม
5. ปากอวบอิ่ม สีนู้ดบางใส และเคลือบกลอสเป็นเงา

อ้างอิน
ttp://www.zabzaa.com/

ไม่มีความคิดเห็น: